
บัณเฑาะว์ (ดามารุ)
“ฑมรุ” (อักษรเทวนาครี डमरू; ḍamaru) เป็นเครื่องดนตรีที่พบเห็นในหัตถ์ขวาของพระศิวะ เป็นเครื่องดนตรีประเภทกลองขนาดเล็กจากอินเดียที่ได้รับอิทธิพลจากศาสนาพราหมณ์และพุทธวัชรยาน ซึ่งเป็นที่รู้จักในชื่อ “ดามารุ” ในอินเดีย ในประเทศไทย บัณเฑาะว์ใช้ในวง “ขับไม้” สำหรับพระราชพิธีต่างๆ ขับกล่อมสมโภชพระมหาเศวตฉัตร สมโภชพระยาช้างเผือกและช้างสำคัญ ลักษณะเด่นคือเป็นกลองสองหน้าขนาดเล็ก คอดกลาง มีเชือกผูกลูกตุ้มที่สามารถเหวี่ยงให้กระทบหน้ากลองทั้งสองข้างเกิดเสียงได้บัณเฑาะว์” โดยอาจใช้บัณเฑาะว์ลูกเดียว หรือใช้บัณเฑาะว์ 2 ลูก ไกวพร้อมกันทั้งสองมือที่ไม่ใช่การตีด้วยมือ แต่ใช้มือถือพลิกข้อมือกลับไปกลับมา ทำให้ลูกตุ้มที่ปลายเชือกกระทบหนังกลองทั้งสองด้านจนเกิดเป็นเสียงดัง ในระหว่างการประกอบศาสนพิธีในทิเบต พระสงฆ์จะนิยมใช้ดามารุในมือขวา และกระดิ่งในมือซ้าย
ประวัติและความเป็นมาของบัณเฑาะว์
บัณเฑาะว์มีต้นกำเนิดมาจากอินเดีย โดยในภาษาบาลีเรียกว่า “ปณวะ” และในภาษาสันสกฤตเรียกว่า “ฑมรุ” (ḍamaru) เป็นเครื่องดนตรีศักดิ์สิทธิ์ ที่พบเห็นในหัตถ์ขวาของพระศิวะในศาสนาฮินดู และเป็นศาสนูปกรณ์สำคัญในพิธีกรรมทางศาสนาของพุทธวัชรยาน โดยเฉพาะในทิเบต ประเทศไทยได้รับอิทธิพลเครื่องดนตรีนี้มาจากอินเดีย ตั้งแต่พุทธศรรตวรรษที่ 10
ความเชื่อมโยงกับพิธีกรรม ในพิธีพราหมณ์ บัณเฑาะว์เป็นเครื่องตีให้เกิดเสียงในพิธีพราหมณ์ เพื่อส่งเสียงบูชาพระอิศวร ให้ลงมาขจัดอุปัทวะทั้งหลาย เป็นส่วนหนึ่งของวงแตรสังข์บัณเฑาะว์ ที่ให้สัญญาณสำคัญต่างๆ ตามแบบแผนของอินเดีย และไทย
อนึ่ง การใช้บัณเฑาะว์ในพิธีกรรมทางพราหมณ์ที่ถูกต้องนั้น ในประเทศไทยยังมีให้เห็นน้อยมาก ส่วนมากที่เห็นก็อยากทำตามคนอื่นเลยไปซื้อบัณเฑาะว์จากร้านมาสั่นป๊อกๆแป๊กๆกับเขาบ้างโดยขาดการค้นคว้าหาความรู้ ก็เลยกลายเป็นเหมือนพวกรับย้อมผ้า ที่ดูแล้วชวนให้น่าขำ



